วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 4

ประเภทของหนังสือ





สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 16

ประเภทของหนังสือ โดย นายกำธร สถิรกุล และนางสุมน อมรวิวัฒน์

ความสนใจของมวลชนที่มีต่อหนังสือได้มีมากขึ้นไปตามความเจริญของสังคมและบ้านเมือง จนมีคำกล่าวกันว่าหนังสือเป็นเครื่องวัดความเจริญของสังคมอย่างหนึ่ง ความสนใจได้แตกแขนงออกไปอย่างกว้างขวาง และสนใจในรายละเอียดลึกลงไปในแต่ละแขนง ทำให้เกิดการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ และทำให้เกิดหนังสือประเภทต่างๆ ขึ้นมาก แต่ละประเภทมีกลุ่มบุคคลที่สนใจแตกต่างกันไป ลักษณะการใช้งาน อายุการใช้งานก็แตกต่างกันไปด้วยวิธีการผลิตหนังสือแต่ละประเภทและวัสดุที่ใช้ผลิตก็ต้องแตกต่างกันออกไป ผู้ผลิตจะต้องหาวิธีการผลิตให้เหมาะสมกับหนังสือแต่ละประเภท
การแบ่งประเภทของหนังสือมีวิธีแบ่งได้หลายอย่าง แต่เพื่อให้เห็นลักษณะการผลิตและรูปเล่มได้เด่นชัด หนังสืออาจแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ วารสาร (Periodical)และหนังสือเล่ม (book) วารสาร (Periodical) เป็นหนังสือที่มีชื่อหนังสือคงที่ จัดพิมพ์ออกจำหน่ายจ่ายแจกตามลำดับเรื่อยไป เช่น หนังสือที่พิมพ์ออกมาทุกวันจะมีชื่อหนังสือชื่อเดียวกันตลอด ได้แก่ สยามรัฐ ไทยรัฐ เดลินิวส์ หรือหนังสือที่พิมพ์ออกมาทุกสัปดาห์ ทุกสองสัปดาห์ ทุกเดือน หรือทุกระยะเวลาต่างๆ มีชื่อหนังสือเหมือนกัน เช่น สตรีสาร วิทยาจารย์ หลักไท หนังสือเหล่านี้เป็นวารสาร หนังสือประเภทวารสารยังอาจแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้เป็นหนังสือพิมพ์(newspaper) และนิตยสาร (magazine)
หนังสือพิมพ์ (newspaper) เป็นหนังสือที่มีวัตถุประสงค์หลักในการให้ข่าวสารปัจจุบันแก่ผู้อ่าน ส่วนนิตยสารนั้นมุ่งที่จะให้ความรู้ความบันเทิงเป็นสิ่งสำคัญ การที่วัตถุประสงค์ในการจัดทำแตกต่างกัน ลักษณะการใช้งานของหนังสือและลักษณะรูปร่างของหนังสือจึงย่อมแตกต่างกันออกไปด้วย จะเห็นว่าหนังสือพิมพ์นั้นพิมพ์บนกระดาษแผ่นใหญ่เรียงซ้อนกัน พับเป็นเล่มโดยไม่เย็บเล่มและไม่มีปก ส่วนนิตยสารนั้นมักมีปกที่พิมพ์สีสันสวยงาม เย็บเป็นเล่มและเจียนเล่มเรียบร้อย ขนาดของเล่มเล็กกว่าหนังสือพิมพ์ การที่หนังสือประเภทใดจะมีรูปเล่มและขนาดอย่างใดย่อมแล้วแต่ลักษณะและวัตถุประสงค์การใช้งานของหนังสือเล่มนั้นๆ เป็นสำคัญ รูปเล่มและขนาดเล่มจะเป็นตัวกำหนดเครื่องจักรเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเชื่อมโยงกันไปทั้งสิ้น
ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ต้องการทราบข่าวอันเป็นปัจจุบันและจะสนใจในข่าว ไม่พิถีพิถันมากนักในเรื่องความประณีตในการจัดพิมพ์และการทำเล่ม โดยปกติหนังสือพิมพ์จะพิมพ์วันต่อวัน ความรวดเร็วในการผลิตและการกระจายหนังสือไปให้ถึงมือผู้อ่านจึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องมีระบบการรวบรวมข่าวให้ได้รวดเร็วและครอบคลุมความสนใจของผู้อ่านให้ทั่วถึง ปริมาณผู้อ่านมีมากจึงต้องจัดพิมพ์ออกเป็นจำนวนมากต่อวัน การเรียงพิมพ์จะเรียงเป็นคอลัมน์เพราะสะดวกในการนำมาจัดหน้า หน้าหนึ่งๆ ในหนังสือพิมพ์ประกอบด้วยเรื่องหลายเรื่องพร้อมรูปภาพประกอบในหน้าเดียวกัน โดยเฉพาะหน้าแรกเป็นหน้าที่ผู้อ่านจะตัดสินใจเลือกซื้อ จึงควรเลือกข่าวสำคัญๆหลายข่าวลงพิมพ์รวมไว้ในหน้าแรก โดยเลือกข่าวสำคัญที่สุดพิมพ์เป็นหัวข่าวใหญ่และข่าวรองลงไปตามลำดับ เพื่อจะได้ดึงดูดความสนใจจากคนหลายกลุ่ม การพิมพ์ต้องพิมพ์ด้วยความรวดเร็ว จึงควรมีรูปเล่มที่สามารถผลิตได้ด้วยความรวดเร็ว เมื่อพิมพ์และพับเสร็จออกจากแท่นพิมพ์ก็จัดส่งให้ถึงมือผู้อ่านได้เร็วที่สุด
ผู้อ่านสามารถอ่านได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่ว่าจะกำลังดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำ โดยสารรถหรือเรือ แม้มีเวลาอ่านเพียงเล็กน้อยถ้ามีข่าวที่ตนสนใจก็จะอ่านก่อน หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งๆ ประกอบด้วยข่าวหลายข่าว เรื่องหลายเรื่องกระจายไปทั้งหน้า ผู้อ่านจะดูไปตามหัวข่าวทั้งหมดแล้วจึงตัดสินใจว่าสนใจเรื่องใดเป็นอันดับแรกก็จะอ่านเรื่องนั้นก่อน จบแล้วก็จะอ่านเรื่องที่สนใจรองลงไปตามลำดับ ไม่ได้อ่านหมดทุกเรื่องอ่านเพียงแต่เรื่องที่ตนสนใจหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอยู่ในความสนใจเพียงวันเดียวหรือไม่ถึงวัน จึงมีราคาอยู่เพียงวันเดียวเมื่อพ้นวันไปแล้วก็หมดราคา จนเรียกได้ว่าสูญค่า เพราะราคาหนังสือพิมพ์นั้นจะต่ำกว่าราคาของกระดาษเปล่าที่ยังมิได้พิมพ์ ต้องรวบรวมขายกันตามน้ำหนักเป็นกิโลกรัม กระดาษที่ใช้พิมพ์จึงใช้กระดาษปรู๊ฟหรือกระดาษหนังสือพิมพ์ เพราะราคาถูกไม่ต้องมีความทนทาน
นิตยสาร (magazine) สำหรับนิตยสารนั้น ผู้ซื้อจะมีความพิถีพิถันมากกว่าซื้อหนังสือพิมพ์ นิตยสารจึงมีปกที่พิมพ์ภาพสวยงาม อายุการใช้งานมีระยะเวลานานกว่าหนังสือพิมพ์ซึ่งจะมีอายุอย่างน้อยเท่ากับระยะเวลาออกนิตยสารนั้นๆ นิตยสารจึงยังคงคุณค่านานกว่าหนังสือพิมพ์ แม้เมื่อพ้นเวลาใช้งานแล้วก็ยังพอมีราคาอยู่บ้าง
ผู้อ่านนิตยสารต้องมีความสนใจและมีเวลาว่างพอสมควรจึงจะหยิบอ่าน โดยจะพลิกดูหน้าต่างๆ ไปก่อนตลอดเล่มหรือเกือบตลอดเล่มว่านิตยสารเล่มนั้นมีเรื่องใดบ้าง จะไม่อ่านเรียงลำดับกันไปจากหน้าแรกเรื่องแรก แต่จะเลือกอ่านเรื่องที่ถูกใจก่อนเป็นเรื่องๆ ไป ปกติผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านหมดทุกเรื่องในเล่ม
หนังสือเล่ม (book) เป็นประเภทใหญ่ของหนังสืออีกประเภทหนึ่ง อาจแบ่งออกเป็นประเภทย่อยได้หลายวิธี คือแบ่งตามลักษณะของผู้อ่าน เช่น หนังสือเด็ก หนังสือผู้ใหญ่หรือแบ่งตามเนื้อหาสาระ เช่น หนังสือสารคดีหนังสือบันเทิงคดี ซึ่งแต่ละประเภทแบ่งย่อยออกไปได้อีก เช่น สารคดี อาจแบ่งเป็นแบบเรียนในระดับการศึกษาต่างๆ คู่มือครู แบบฝึกหัดตำราทางวิชาการ หนังสืออ้างอิง บันเทิงคดีก็แบ่งเป็น นวนิยาย กวีนิพนธ์ หนังสือเด็กก็อาจแยกออกเป็น หนังสือภาพ หนังสือการ์ตูนนิยาย หนังสือแต่ละประเภทก็มีลักษณะรูปเล่มเฉพาะที่เหมาะกับลักษณะการใช้งานของหนังสือประเภทนั้นๆ การผลิตหนังสือแต่ละประเภทจึงมีวิธีการและอุปกรณ์ที่เหมาะสมแก่การผลิตหนังสือประเภทนั้นๆ ซึ่งก็ย่อมแตกต่างกันออกไปแต่ละประเภท
การซื้อหนังสือเล่ม ผู้ซื้อจะเลือกซื้อพิถีพิถันมาก เช่น เลือกเนื้อหาที่ตรงกับความสนใจเลือกผู้ประพันธ์ที่ตนชอบ พิถีพิถันในคุณภาพของการพิมพ์ การทำเล่ม และราคา เมื่อซื้อเล่มใดแล้วก็จะอ่านจากหน้าแรกเรียงลำดับจนจบเล่ม เว้นแต่ซื้อมาผิดอ่านไปแล้วไม่ชอบก็ไม่อ่านต่อหรืออาจฝืนอ่านไปจนจบเล่ม หนังสือเล่มมักไม่สูญค่าอ่านแล้วก็ยังเก็บไว้อ่านได้อีกในภายหลังหรือให้ผู้อื่นอ่านต่อได้ ในแต่ละประเภทย่อยของหนังสือเล่มต่างๆ ก็มีลักษณะเฉพาะเช่น หนังสือสำหรับเด็กก็มักมีภาพมากและใช้ตัวหนังสือตัวโต ส่วนหนังสือแบบฝึกหัดที่นักเรียนต้องเขียนคำตอบในเล่มมักเป็นหนังสือปกอ่อนใช้กระดาษไม่ต้องดีมาก พอให้เขียนตอบได้ ไม่ซึมหมึกเพราะใช้เขียนกันครั้งเดียว ราคาไม่แพงเพื่อให้นักเรียนสามารถซื้อได้
หนังสืออ้างอิง เป็นหนังสือที่มีลักษณะพิเศษอีกแบบหนึ่งที่ผู้อ่านจะเลือกอ่านค้นคว้าเอาเฉพาะเรื่องที่ต้องการ เช่น หนังสือพจนานุกรมจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง ผู้ซื้อจะค้นดูศัพท์เฉพาะคำที่ต้องการทราบความหมายโดยจะเปิดดูหน้าและตำแหน่งตรงที่มีศัพท์ที่ต้องการจะค้น แล้วอ่านดูว่ามีคำแปลว่าอย่างใด เข้าใจแล้วก็ปิดเล่ม หนังสือเล่มหนึ่งๆ ได้อ่านจริงๆ ไม่กี่บรรทัดไม่กี่หน้า หากเป็นพจนานุกรมฉบับกระเป๋าก็จะต้องผลิตให้มีขนาดเล็กสามารถพกติดตัวไปได้สะดวก สามารถค้นดูศัพท์ได้ทุกเวลาที่ต้องการ ขนาดของเล่มหนังสือจะเป็นสิ่งกำหนดตัวพิมพ์ ความหนาของแผ่นกระดาษและชนิดของกระดาษที่จะพิมพ์ เพื่อให้หนังสือมีขนาดพอเหมาะที่จะบรรจุศัพท์ต่างๆ ลงในเล่มให้ครอบคลุมได้กว้างขวางตามที่ต้องการ และให้ได้ขนาดกว้างยาวและหนาพอที่จะพกในกระเป๋าเสื้อของผู้อ่านได้
วัตถุประสงค์และลักษณะการใช้งานของหนังสือ ความสนใจและฐานะทางเศรษฐกิจของผู้อ่านเป็นสิ่งที่กำหนดลักษณะ รูปร่าง ขนาดและคุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการผลิตหนังสือและจะมีผลถึงการเลือกใช้ตัวพิมพ์ ระบบการพิมพ์วิธีพิมพ์ วิธีทำเล่ม เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุดและได้หนังสือที่เหมาะสมแก่การใช้งาน



แผงขายหนังสือพิมพ์และวารสารริมทางเท้า


[ดูภาพทั้งหมดในเรื่องนี้]




บรรณานุกรม
• นางสุมน อมรวิวัฒน์
• นายกำธร สถิรกุล

[กลับหัวข้อหลัก]


ที่มา: http://guru.sanook.com/enc_preview.php?id=2652

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่3

หนังสือคือผู้ให้ชีวิต


หนังสือคือ ผู้ให้ ….ชีวิต

มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่มาการพัฒนาตนเองด้วยการเรียนรู้ มีการพัฒนาความคิดความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา และรู้จักบันทึกความรู้ความสามารถและสังสรรค์ความรู้ต่างๆที่ได้คิดค้นพบไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่เราเรียกว่าหนังสือ ซึ่งมนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับสื่อสาร เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างคนในสังคม ดังพระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “หนังสือเป็นเสมือนคลังที่รวบรวมความรู้เรื่องราว ความรู้ ความคิด วิทยาการทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ได้เรียนรู้ ได้คิด ได้อ่าน และเพียรพยายามบันทึกรักษาไว้ด้วยลายลักษณ์อักษร หนังสือแพร่ไปถึงที่ใด ความรู้ความคิดก็แพร่ไปถึงที่นั่น หนังสือจึงเป็นสิ่งมีค่าและมีประโยชน์อันประมาณมิได้ในแง่ที่เป็นบ่อเกิดแห่งการเรียนรู้ของมนุษย์

จะเห็นแล้วว่า หนังสือคือแหล่งความรู้ เป็นขุนคลังแห่งความรู้ที่มนุษย์เราสามารถค้นคว้าหาอ่านและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต สามารถนำความรู้ที่ได้พัฒนาคุณภาพในชีวิตปัจจุบันและอนาคต ฉะนั้นหนังสือเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ทั้งนี้เพราะหนังสือจะให้ความรู้ย้อนรอยถอยอดีตให้เรารู้เรื่องราวความเป็นมาของอดีตทำให้เราเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น ทำให้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ แม้กระทั่งโลกดึกดำบรรพ์ที่สามารถย้อนรอยนับถอยหลังเป็นล้านๆปี ก็จะมีเรื่องราวให้ได้ศึกษา อาทิเช่น เรื่องของไดโนเสาร์ สัตว์โลกล้านปีที่สูญพันธ์แล้ว ชามสังโคลก ตลอดจนอารยธรรมเก่าแก่บ้านเชียง เป็นต้น

หนังสือให้ความรู้มุ่งส่องทางสว่างในอนาคตนอกจากจะให้ความรู้ในอดีตแล้วหนังสือยังมุ่งสู่อนาคตพาเราท่องไปในอวกาศ และใต้ท้องทะเลลึก โดยที่เราไม่ต้องเดินทางไป เพียงแค่เปิดหนังสือที่เราอยากรู้ อย่าเห็น เราก็จะรู้เห็นสิ่งที่เราต้องการจะเห็น และหนังสือจะช่วยชี้นำให้เราสามารถวางแผนการดำเนินงานไปอนาคตได้









หนังสือเปรียบเสมือนละครโรงใหญ่ หนังสือหลายชนิดอาทิเช่น นวนิยาย เรื่องสั้นสามารถทำจำลองชีวิต จิตวิญญาณ ศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ อีกทั้งยังให้ความรื่นรมย์และเรียนรู้ชีวิตได้ด้วยในขณะเดียวกัน หนังสือเป็นผู้พิชิตชี้ทางในการดำเนินชีวิตและชี้ทางแก้ไขในสิ่งที่ผิดให้กับชิวิตมนุษย์ อีกยังให้ข้อธรรมะชำระจิตเป็นแสงธรรมส่องชีวิต ซึ่งเราสามารถหาอ่านศึกษาค้นคว้าหนังสือที่ให้ข้อคิดและแนวปฏิบัติในการปฏิบัติตน ชี้แนวทางแก้ไขปัญหา หนังสือยังเป็นทั้งเพื่อนคู่ใจในยามว่าง ซึ่งหนังสือมีเนื้อหาสาระมาก ทั้งเรื่องสั้น สารคดี เรื่องยาว และบันเทิงที่จะช่วยเป็นเพื่อนแก้เหงาในยามว่างให้เราได้ใช้ประโยชน์ หนังสือช่วยผ่อนคลายความเครียดและให้อารมณ์ขัน มีหนังสือวารสารต่างๆมากมายที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด ถ้าได้อ่านหนังสือที่ให้อารมณ์ขัน เช่น ขายหัวเราะ มหาสนุก ตลอดจนขำขันต่างๆ ก็จะช่วยให้มนุษย์เรามีอารมณ์ขันมีความสุขขึ้นมาได้ หนังสือให้ทางเลือกในการฝึกฝนอาชีพ ทำให้มนุษย์เรามีทางเลือกในการประกอบอาชีพ อันจะนำไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีเห็นช่องทางประกอบอาชีพที่ตนเองรักและชอบได้ดียิ่ง

ดังที่กล่าวมาจะเห็นว่า หนังสือเป็นผู้ให้ชีวิตมนุษย์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หนังสือเสมือนครูคนที่สามที่รองจากพ่อแม่และครูผู้สอน เพราะมนุษย์เราทุกคนย่อมจะต้องเรียนรู้อยู่ตลอดชีวิตผู้ที่ให้ความรู้แก่มนุษย์เราตลอดชีวิตนั้นคงจะหนีไม่พ้นหนังสือ ฉะนั้นหนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หนังสือเป็นผู้ให้ความรู้ ความคิด ปลูกฝังจิตวิญญาณ ฝึกฝนอาชีพ และให้ความรื่นรมย์ ความสุนทรีย์ทางอารมณ์แห่งมนุษย์จะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข แต่การที่มนุษย์เราจะเห็นความสำคัญของงหนังสือและสนใจอ่านหนังสือนั้น เราคงจะต้องช่วยกันสร้างเสริมให้มนุษย์เรามีนิสัยรักการอ่าน ถ้าหากมนุษย์เรามีนิสัยรักการอ่านแล้ว ทำให้มนุษย์เรามีนิสัยรักการอ่าน ชอบที่จะอ่าน ใช้เวลาที่มีอยู่ในการอ่านแล้ว ทำให้มนุษย์ได้พบขุมทรัพย์แห่งมวลความรู้ทั้งปวง ทั้งนี้เพราะความรู้จากหนังสือนั้นไม่มีพรมแดน หากเราจะอ่าน

ที่มา : อุดมศักดิ์ พลอยบุตร วารสารประชาสัมพันธ์ หน่วยศึกษานิเทศก กรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 6

http://school.net.th/library/create-web/10000/generality/10000-446.html

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 2

หยุยห่วงเด็กถูกขังลืม
แฉเด็ก14โดนจับขังตั้งแต่20พฤษภาคมกรมพินิจโต้ทันควัน "สุเทพ" เบี้ยวชี้แจงเหตุสลาย ม็อบเสื้อแดง

หลังคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา เรียกไปแล้วถึง 3 รอบ นัดเรียกใหม่ 19 ก.ค.นี้ พร้อมเชิญ "มาร์ค" มาชี้แจงด้วย 15 ก.ค.นี้ ขณะเดียวกันก็ติงดีเอสไอ อย่าทำงานรับใช้การเมือง กระทรวงยุติธรรมนำหน่วยงานในสังกัดไขทุกข้อครหา "ธาริต" มั่นใจส่งฟ้องคดีผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงได้ใน ก.ค.นี้ ด้านราชทัณฑ์แจงขังพวกป่วนเมืองทั่วประเทศ 257 คน ยันไม่เลือกปฏิบัติ ขณะที่ "ครูหยุย" ปูดอีก ข้องใจเด็กถูกจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินนับร้อยราย แต่ รัฐบาลไม่รู้เรื่อง ล่าสุดพบเด็ก 14 ปี ถูกขังตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ห่วงซ้ำรอยขังลืมผู้ใหญ่เสื้อแดง แฉเด็กบางรายถูกจับขณะออกจากม็อบ ทั้งที่ทีแรกให้ไปนำเด็กออกมาส่งกลับบ้าน แต่อธิบดีกรมพินิจฯโต้ทันควัน รับเด็กไม่เกิน 18 ปี มาดูแล 114 คน จาก 12 จังหวัด ส่วนใหญ่ผิดคดีชุมนุมเกิน 5 คน นอกนั้นไม่รู้

หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการและองค์กรอิสระด้านสิทธิมนุษยชน ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ในนามศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ตั้งแต่การสลายการชุมนุมในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมกลุ่ม นปช.และแนวร่วมเสื้อแดง ว่าอาจมีการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุหรือไม่ โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ทางวุฒิสภาเองก็มีการติดตามเรื่องดังกล่าว แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร
http://www.thairath.co.th/today/view/95813

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 1

ปชป.งัดหัวใหม่ผวาถูกยุบชื่อ'ไทยเข้มแข็ง'
จวก'ปลอดประสพ'อย่าเสือก!ทักษิณทวีตแขวะรัฐบาลมาร์คแค่ชนะศึก-ไม่ใช่ชนะสงคราม

"นายกฯอภิสิทธิ์" ยันไม่ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ระบุต้องหารือนานถึงครึ่งปีกว่าจะได้ข้อยุติเรื่องขึ้นภาษีตัวอื่นๆ แกนนำ ปชป.ผวาถูกยุบพรรค ดิ้นตั้งพรรคใหม่สำรอง ได้ชื่อแล้วพรรคไทยเข้มแข็ง "ชวน หลีกภัย" รับภาระหนัก สั่งเพิ่มทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรค นัด "มาร์ค-กก.บริหารพรรค" หารือด่วน "วิรัตน์" ฉุนขาดหลุดคำหยาบด่าพรรคเพื่อไทย จุ้นคดียุบ ปชป. "จาตุรนต์" ทำตัวเป็นเกจิ ฟันธง ปชป.ไม่รอดถูกยุบพรรคแน่นอน เพื่อไทย
ตั้งเวทีใหญ่ภาคเหนือถล่มรัฐบาล ฉลองวันเกิด "ทักษิณ" แฉรัฐบาลใช้เงิน-เก้าอี้ รมต.ล่อ ส.ส.เพื่อไทยยกมือหนุน

หลังจากที่คณะทำงานร่วมของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอัยการสูงสุดมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอนั้น เรื่องนี้ทำให้บรรดาแกนนำพรรค ประชาธิปัตย์ต่างไม่สบายใจและเริ่มคิดตั้งพรรคใหม่สำรอง

"ชวน" สั่งเพิ่มทีมกฎหมายสู้ยุบพรรค

เมื่อวันที่ 12 ก.ค. เวลา 12.00 น. ที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี เขตคันนายาว นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีรับเงินบริจาคจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองจำนวน 29 ล้านบาท จาก กกต. จะไม่เข้าร่วมทีมกฎหมายในการต่อสู้คดียุบพรรคข้อหารับเงินบริจาคจากบริษัททีพีไอ จำนวน 258 ล้านบาท ว่า ยืนยันว่าตนไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงทีมกฎหมายในการต่อสู้คดียุบพรรค เนื่องจากยังไม่ได้รับคำร้องแจ้งข้อกล่าวหา จึงต้องรอดูว่าสิ่งที่ กกต.และอัยการร้องไปนั้นมีอะไรบ้าง ในส่วนของคณะทำงานต้องยอมรับว่า อย่างน้อยต้องหาคนเพิ่ม เพราะลำพังคดี 29 ล้านบาท ถือเป็นภาระหนักอยู่แล้ว มีเอกสารมากถึงขนาดต้องจ้างคนมาอ่านเพื่อสรุปใจความสำคัญต่อคณะทำงานแล้ว
http://www.thairath.co.th/today